by themenofpen
ภาวะสถานการณ์ร้าย โดยอาศัยการใช้จำนวนคนทำงานกันเป็นทีมถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ด้วยหลากหลายรูปแบบของภัยร้าย
ในยามที่มีคนแปลกหน้าเข้ามาใกล้คุณ ไม่ว่าจะเปิดฉากด้วย ลักษณะท่าทาง บุคลิค แบบไหน
ไม่ว่าจะเปิดฉากด้วยประโยคที่ดูเป็นมิตรหรือดูเหมือนว่าไม่น่าจะมีอะไร อย่างเช่นประโยคทักทายหรือประโยคสอบถามเส้นทาง สอบถามเวลา
ภาวะเช่นนั้นขอให้คุณฝึกติดตัวเอาไว้เป็นนิสัย ว่าจะต้องมีความตื่นตัวและระแวดระวังในทันที
การตื่นตัวในที่นี้นั้น เป็นคนละคำกับความแตกตื่น มิใช่หมายความว่าจะต้องออกอาการ ลุกลน หวาดกลัว ขอให้จำไว้ว่านี่คืออาการที่ไม่ควรแสดงออก และแม้จะรู้สึกเช่นนี้จริงๆแต่ก็ควรเก็บอาการให้มากที่สุด ตั้งสติและใช้ความใจเย็นรอบคอบเป็นที่ตั้ง
ความระแวดระวังก็เช่นกัน ขั้นตอนในการระแวด อันหมายถึงตรวจสอบโดยถ้วนถี่นั้น ควรจะต้องมีพฤติกรรมของการระแวดระวัง ให้แนบเนียน
แน่นอนว่าสิ่งแรกที่ควรทำคือการสังเกตุบุคคลอื่นทั้งด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลัง ด้วยว่ามีบุคคลอื่นใดนอกจากบุคคลตรงหน้าอีกหรือไม่
การเหลียวหลัง มองไปมองมานั่นไม่ควรกระทำแบบชัดเจน
ควรทราบว่า โดยธรรมชาติของผู้ที่มีเจตนาร้ายนั้นมักจะมาด้วยแผนการณ์หนึ่งสองสามสี่
หากว่าคนร้ายสังเกตุได้ว่า คุณได้เพิ่มความระมัดระวัง และมีแนวโน้มต่อการที่เหยื่อจะทำการหลบหนีหรือป้องกันมากขึ้น นั่นก็เท่ากับเป็นสภาวะที่บีบให้คนร้ายใช้มาตรการที่รวดเร็วขึ้นเร่งรัดขึ้น
การเหลียวมองไปด้านข้างหรือด้านหลังนั้น สามารถใช้มุกที่แนบเนียนได้ อย่างเช่นการทำทีเป็นเอื้อมหยิบกระเป๋ากางเกงหลัง ทำทีปัดขากางเกงด้านหลัง เหลียวหน้าไปแต่ไม่มองตรงๆ ใช้หางตามองผ่านเฉี่ยวๆ รักษาท่วงท่าให้เป็นธรรมชาติที่สุด ทำตัวให้คล้ายเหยื่อที่ตายใจ เป็นเหยื่อที่คล้ายยังไม่รู้ตัว
หากพบว่ามีบุคคลอื่นอยู่อีก แม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าใช่พวกเดียวกันหรือไม่
แต่คุณต้องยกระดับการป้องกันตัวเองมากขึ้นในทันที
การป้องกันนั้นป้องกันอย่างไร?
การป้องกันสามารถทำได้หลายแบบ และอาศัยช่องโหว่จากคนร้ายเองก็ทำได้
อย่างเช่นการอาศัยประโยคคำพูดจากคนร้ายมาใช้ประโยชน์ เช่นหากมีคนมาถามอะไรคุณอาจเลือกเป็นทำทีตะโกนเรียกคนมาช่วยตอบ หากว่าบริเวณนั้นมีคนอื่นๆอยู่ใกล้ด้วย
หรือบางกรณีอาจทำทีเป็นตะโกนเรียกเพื่อน ทั้งที่ไม่มีเพื่อนอยู่จริงในระแวกนั้น แต่ตะโกนหันหน้าไปทางกลุ่มคนอื่นที่อยู่ใกล้ จากนั้นตัดบท ทำนองทำทีเป็นจะวิ่งไปหาเพื่อนเพื่อต่อว่า ว่ามัวยืนช้าอะไรตรงนั้น
นอกจากนี้ยังป้องกันได้ด้วยอีกวิธีที่ สร้างโอกาสจูงใจให้คนร้ายปราถนาอยากจะได้บางสิ่งบางอย่างเพิ่มขึ้น โดยที่จะเปิดโอกาสให้คุณเดินเคลื่อนที่ไปยังที่ปลอดภัยได้
อย่างไรก็ตาม คุณต้องคอยยกระดับการตัดสินใจให้เท่าทันสถานการณ์คนร้ายอยู่เสมอ เช่นหากสังเกตุได้แน่ชัดว่า คนร้ายกำลังค่อยๆรุมล้อมคุณอย่างแนบเนียน และค่อนข้างมั่นใจว่าใช่แน่ๆ
การตัดสินใจวิ่งหนีคือสิ่งที่ควรทำที่สุด แต่การตัดสินใจหนีควรจะเริ่มด้วยการเปิดช่องที่เหมาะสมแก่การวิ่ง
การจะเปิดช่องให้เหมาะสมแก่การวิ่งนั่นก็คือการงัดแม่ไม้กลเม็ดต่างๆออกมา ด้วยประโยคคำพูด ด้วยท่าทีที่หลอกให้ตายใจ พร้อมๆกับการค่อยๆขยับท่าร่างเยื้อย่างในมุมที่เหมาะแก่ช่องที่จะพุ่งตัว ซึ่งต้องทำได้แนบเนียนที่สุด
และเมื่อตัดสินใจวิ่งแล้ว จังหวะที่ออกตัววิ่งคุณอาจช่วยบรรเทาสถานการณ์ได้ด้วย การทำทีเป็นเหลือบไปเจอ คนที่คุณต้องวิ่งไปหา อย่างเช่นเหลือบไปเจอคู่อริ เหลือบไปเจอชู้ที่แย่งคนรัก เหลือบไปเจอเพื่อนเก่าที่จะวิ่งดีใจเข้าไปหา การทำทีด้วยการพูดประโยคนึง ที่เสมือนว่าคุณจะวิ่งไปด้วยจุดประสงค์นั้นจริงๆมิใช่วิ่งหนีจากคนร้าย ก็จะช่วยทำให้คนร้ายเกิดอาการสับสน หยุดนิ่งในการตัดสินใจว่าจะทำยังไงต่อไปได้
โดยที่กล่าวมานี้เราจะไม่พูดถึงกรณีของการต่อสู้ด้วยอาวุธ เพราะคงต้องกล่าวอีกมากแยกไปอีกหลายประเด็น
อย่างไรก็ตามหากสถานที่นั้น มีลักษณะเปลี่ยว ไร้คนโดยรอบ นอกจากนี้หากคุณประเมินได้ว่า ยากที่จะวิ่งหนีได้ทันหรือวิ่งไปก็ไม่ไกล คุณไม่มีทางเลือกและอย่างไรก็ต้องวิ่ง หากเป็นกรณีนี้ก่อนจะเริ่มวิ่งควรจะเปิดฉากพร้อมกับ การโจมตีจุดอ่อน ด้วยท่าต่อสู้ที่มีสอนโดยทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการใช้หลังมือสลัดแรงๆไปที่เป้ากางเกง หรือใช้การเตะไปที่เป้า
แต่วิธีจู่โจมก่อนวิ่งนี้ ไม่ควรใช้ในบางกรณีที่คุณไม่แน่ใจว่าใช่คนร้ายหรือไม่ เพราะมันอาจทำให้คนที่ไม่ใช่คนร้ายเกิดความโมโหและวิ่งตามเอาเรื่องกับคุณต่อไปได้ หรือบางกรณีที่จู่โจมไปแต่ดันถูกจับขาจับแขนไว้ได้ อันหมายถึงวิธีนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่มีทักษะแม้แต่นิดในการต่อสู้เลย
หากคุณประเมินแล้วว่าวิ่งหนีไปก็ไปได้ไม่ไกล แถมต่อสู้ก็ไม่ได้ ก็จำต้องคิดหาวิธีหลอกล่อให้คนร้ายพาเดินไปยังที่ๆมีคน
ด้วยการแสร้งจะเข้าแผนคนร้าย แต่สร้างเรื่องจูงใจบางอย่างให้คนร้ายเดินไปด้วยกันในทิศทางนั้น
แต่หากสถานการณ์ร้ายแรงที่ยังไงก็ต้องวิ่ง
กรณีเช่นนี้สิ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่นั่นก็คือ มองหาบ้านหรืออาคารบริเวณนั้น จากนั้นมองหาหินหรือวัสดุใดๆที่อยู่ตามพื้น
นาทีรอดของคุณในทางเลือกสุดท้ายนั่นก็คือการวิ่ง หนีให้ได้นานเท่าที่จะยื้อได้ นานพอที่คุณจะตะโกนขอความช่วยเหลือได้หลายๆครั้ง มากที่สุด ซึ่งก้อนหินที่คุณควรจะต้องหยิบให้เร็วที่สุดนั้น ควรจะขว้างปาไปที่อาคารที่มีแนวโน้มว่าจะมีคนออกมาดู ขว้างให้เกิดเสียง ขว้างใส่กระจกหรือหลังคาไปเลยได้ยิ่งดี หรือขว้างใส่รถที่จอดอยู่ในระแวกนั้นให้สัญญาณกันขโมยดัง ก็เป็นไอเดียที่พอจะทำได้มากที่สุดในนาทีชี้เป็นชี้ตาย
ท้ายที่สุดหากคุณจนมุมแล้ว การปฏิบัติในสถานการณ์ที่จนมุมนั่นคือสิ่งที่ควรต้องเรียนรู้ต่อไปในบทอื่น