การเอาตัวรอดจากเหตการณ์ต่างๆ

การฝึกดมกลิ่น ช่วยในการเอาตัวรอดได้

ประสาทการรับรู้ กลิ่นของมนุษย์เป็นสัมผัสที่ตรวจจับได้ดี แต่ในโลกยุคใหม่ โดยเฉพาะในประเทศที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายมากมาย มีวิถีชีวิตที่ปกติสุข การฝึกฝนในเรื่องของการระวังภัย ในด้านการใช้งานประสาทสัมผัส กลับกลายเป็นสิ่งที่ผู้คนในสังคมเมือง ไม่เท่าทันเรียนรู้ รวมถึง หลายต่อหลายคนละเลยความสนใจ ออกห่างความสามารถทางสัญชาติญาณทางธรรมชาติจนเสื่อมลงขาดการบริหารระบบประสาทสัมผัสในส่วนนั้น การฝึกฝนการพิสูจน์กลิ่น  อันที่จริงแล้วสามารถฝึกฝนได้จากกระบวนการง่ายๆ นั่นก็คือการสังเกตุและจดจำ เปรียบไปเหมือน ภรรยาที่หึงหวงสามี พอจิตให้ความสำคัญต่อสามี ก็จึงตั้งใจจำ กลิ่นเสื้อของสามี และพิสูจน์กลิ่นได้ว่าไป เกเรที่ไหนมาบ้างหรือไม่ การฝึกฝนการพิสูจน์กลิ่นนั้น ต้องเริ่มจากปรับทัศนคติความตั้งใจของตนเองใหม่ มีความสังเกตุ รับรู้ใส่ใจ เรื่องของกลิ่นที่มีผลต่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน โลกนี้มีกลิ่นที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย ของสุขภาพ ชีวิต และทรัพย์สิน หลายรูปแบบ ตั้งแต่เรื่องเล็กๆทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นแก๊ส กลิ่นน้ำมัน…

เมื่อมีคนมาล้อมฉัน

by themenofpen ภาวะสถานการณ์ร้าย โดยอาศัยการใช้จำนวนคนทำงานกันเป็นทีมถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ด้วยหลากหลายรูปแบบของภัยร้าย ในยามที่มีคนแปลกหน้าเข้ามาใกล้คุณ ไม่ว่าจะเปิดฉากด้วย ลักษณะท่าทาง บุคลิค แบบไหน ไม่ว่าจะเปิดฉากด้วยประโยคที่ดูเป็นมิตรหรือดูเหมือนว่าไม่น่าจะมีอะไร อย่างเช่นประโยคทักทายหรือประโยคสอบถามเส้นทาง สอบถามเวลา ภาวะเช่นนั้นขอให้คุณฝึกติดตัวเอาไว้เป็นนิสัย ว่าจะต้องมีความตื่นตัวและระแวดระวังในทันที การตื่นตัวในที่นี้นั้น เป็นคนละคำกับความแตกตื่น มิใช่หมายความว่าจะต้องออกอาการ ลุกลน หวาดกลัว ขอให้จำไว้ว่านี่คืออาการที่ไม่ควรแสดงออก และแม้จะรู้สึกเช่นนี้จริงๆแต่ก็ควรเก็บอาการให้มากที่สุด ตั้งสติและใช้ความใจเย็นรอบคอบเป็นที่ตั้ง ความระแวดระวังก็เช่นกัน ขั้นตอนในการระแวด อันหมายถึงตรวจสอบโดยถ้วนถี่นั้น ควรจะต้องมีพฤติกรรมของการระแวดระวัง ให้แนบเนียน แน่นอนว่าสิ่งแรกที่ควรทำคือการสังเกตุบุคคลอื่นทั้งด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลัง ด้วยว่ามีบุคคลอื่นใดนอกจากบุคคลตรงหน้าอีกหรือไม่ การเหลียวหลัง มองไปมองมานั่นไม่ควรกระทำแบบชัดเจน ควรทราบว่า โดยธรรมชาติของผู้ที่มีเจตนาร้ายนั้นมักจะมาด้วยแผนการณ์หนึ่งสองสามสี่ หากว่าคนร้ายสังเกตุได้ว่า…

เรียนรู้การเจรจา ช่วยชีวิตในนาทีสำคัญ

ในนาทีเป็นนาทีตาย ในนาทีสำคัญที่คุณอาจมีโอกาสที่จะได้เจรจากับคนร้าย ด้วยข้อความจำกัดไม่กี่ประโยค คุณจะเจรจาอย่างไร บางกรณีคำพูดเพียงไม่กี่ประโยคหรือไม่กี่คำ กลับกลายเป็นส่งผลต่อการเปลี่ยนสถานการณ์ได้อย่างมาก ทั้งทางบวกและทางลบ การหยิบเอาแนวทางจิตวิทยา ที่เหมาะสม มาศึกษาฝึกฝนไว้บ้าง เตรียมพร้อมไว้ใช้ในยามเผชิญกับสถานการณ์ จะเป็นประโยชน์อย่างมาก หากในนาทีที่คนทั่วไป เวลาเจอจังหวะที่จะมีโอกาสได้พูด ส่วนใหญ่แล้ว มักเป็นการ วิงวอนร้องขอชีวิต การกล่าวอ้างถึง ความจำเป็นในการต้องมีชีวิตอยู่ของตน ไม่ว่าจะเป็นการมีครอบครัว มีลูกที่ยังเล็ก หรือมีพ่อแม่ชราที่ต้องเลี้ยงดู แต่หากคนร้ายนั้นเป็นคนที่ใจต่ำช้าสารเลวอย่างสุดบรรยาย มโนสำนึกของมันไม่เคยเรียนรู้ความเมตตาปราณี จิตของมันไม่มีสภาวะคิดตามในสิ่งที่ได้ยินแต่อย่างใด หนำซ้ำยังวางแผนเตรียมการเตรียมใจ มาปล้น มาฆ่าหรือมาทำร้าย อย่างแน่นอนแก่ใจ ในนาทีนั้นจะรับมืออย่างไร เมื่อประเด็นของความเมตตา สงสาร มันกลับไม่มีผลในเวลานั้น คุณอาจอ้ำอึ้งคิดสิ่งใดไม่ออก คิดสิ่งใดไม่ทัน…

ทำอย่างไร เมื่อสัญญาณเตือนภัยร้อง

ทำอย่างไร เมื่อสัญญาณเตือนภัยร้อง  การติดตั้งสัญญาณแจ้งเตือน เหตุบุกรุก ถือเป็นอุปกรณ์ที่มีการนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ในอาคารสถานที่และบ้านเรือนที่ต้องการติดตั้งระบบป้องกันการขโมย หลายต่อหลายบ้านที่ติดตั้งไปแล้วเกิดความอบอุ่นใจ สบายใจหรือแม้แต่มีบางคนถึงขั้นนิ่งนอนใจ แต่ทว่า เคยลองถามตัวเองหรือไม่ว่า หากในวันหนึ่งที่คุณอาศัยอยู่ในบ้าน และเกิดเสียงสัญญาณเตือนร้องดัง คุณจะปฏิบัติตัวอย่างไร? สิ่งที่มักเกิดขึ้นกับเจ้าของบ้านหลายๆคนที่ขาดการฝึกฝนและขาดประสบการณ์ ขาดแม้กระทั่งการวางแผนรับมือและการเรียนรู้การปฏิบัติตัว รวมถึงไม่มีอาวุธที่มีประสิทธิภาพ นั่นก็คือ ถือสิ่งที่หยิบฉวยใกล้ ไม่ว่าจะเป็นไม้กวาดไม้ถูพื้น หรือแม้แต่มีดปอกผลไม้ ค่อยๆแง้มประตู ย่องๆ ผลุบๆโผล่ๆแอบมอง ค่อยๆเดินทะเล่อทะล่า ไปเปิดไฟดู เหล่านี้เป็นต้น ถ้าคนร้ายเป็นพวกขี้กลัว เผ่นแนบออกไปแล้วก็ดีไป แต่หากเป็นคนร้ายที่มันหาทางออกไม่ทันและจำต้องซุ่มต่อสู้ หรือหากว่าเป็นคนร้ายที่ใจคอเหี้ยมโหด ซุ่มดักรอคุณอยู่ล่ะจะทำอย่างไร หรือในนาทีนั้น คนในบ้านคนอื่นๆ ก็ดันเดินทะเล่อทะล่าออกมาช่วยดูจากตำแหน่งอื่นๆเช่นกัน โดยเฉพาะยิ่งหากเป็นเด็กๆ…